3 เรื่องที่คนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับการปิดการขาย
มีเรื่องมากมายที่คนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับการปิดการขาย ซึ่งมีผลทำให้คุณขายของไม่ได้สักที ส่วนใหญ่ที่ผมเจอมีอยู่ 3 เรื่องนี้ครับ 1. ต้องให้ข้อมูลเยอะก่อนลูกค้าถึงจะซื้อ บางคนเข้าใจว่าคุณต้องจําประโยชน์สินค้าให้ได้ทุกข้อก่อน จากนั้นคุณพูดทุกข้อให้ลูกค้าฟังหมดเลย แล้วพอลูกค้าฟังเสร็จแล้วเนี่ย คุณคิดว่าลูกค้าถึงจะซื้อของจากคุณเหรอครับ ความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ครับ จริงๆแล้วลูกค้าเขาไม่ได้ซื้อเพราะข้อมูลนะครับ แต่ลูกค้าเขาซื้อเพราะอารมณ์ครับ เพราะฉะนั้นหน้าที่หลักๆของคุณ คือคุณต้องรู้ปัญหาลูกค้า และคุณต้องบิ้วอารมณ์ลูกค้าให้ได้ ถ้าเกิดสมมุติลูกค้าเข้าซื้อสินค้าจากคุณแล้วเนี่ยชีวิตเขาเนี่ยจะเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นยังไงนะครับ 2.ราคาต้องถูกลูกค้าถึงจะซื้อ อันนี้ก็ผิดเช่นกันครับ เพราะถ้าเกิดสมมุติทุกคนซื้อเพราะราคาถูกอย่างเดียวเนี่ย พวกสินค้าแบรนด์เนม พวกมือถือ และเครื่องใช้ไฟฟ้าแพงๆ พวกเนี้ย คงขายไม่ออก แต่จริงๆแล้วเนี่ยทุกคนอยากซื้อสินค้าต่อให้ราคาแพงครับ เค้าซื้อเพราะเค้าเชื่อมั่นครับว่ามันจะใช้ได้จริงนะครับ หลายๆครั้งเนี่ยที่คุณซื้อมือถือ ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าราคาแพงหน่อย แต่คุณคิดว่ามันจะใช้ได้ดีใช่มั้ยครับ หลายๆครั้งที่คุณลงทุนซื้อเสื้อผ้าซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมเพราะคุณเชื่อมั่นว่าใส่แล้วเนี่ยจะดูดี คนอื่นจะชมคุณนะครับ 3.ต้องเป็นคนพูดเก่งเท่านั้นลูกค้าถึงจะซื้อจากคุณ อันนี้ก็ผิดเช่นกันครับ หลายๆคนเข้าใจว่า เซลล์ที่เก่งต้องพูดเก่ง พูดหว่านล้อม ต้องพูดเร็วกว่าลูกค้า … ว่ากันไป จริงๆไม่ใช่ครับ ยิ่งพูดเยอะ บางทีลูกค้ารําคาญด้วยซ้ำนะครับ หลักการคือ คุณต้องพูดน้อย แต่คุณต้องฟังลูกค้าให้เยอะ วิธีการที่จะทําได้เนี่ย ก็คือคุณต้องถามคําถามลูกค้าครับ ถามคําถามให้ลูกค้าบอกว่าปัญหาเขาคืออะไร แล้วหลังจากคุณรู้ว่าปัญหาลูกค้าคืออะไรแล้วให้คุณจับไป matching กับทางสินค้า และบริการของคุณว่าจะช่วยแก้ปัญหาให้กับลูกค้ายังไงบ้าง ให้ลูกค้าพูดเยอะกว่าคุณ…
มีเรื่องมากมายที่คนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับการปิดการขาย ซึ่งมีผลทำให้คุณขายของไม่ได้สักที
ส่วนใหญ่ที่ผมเจอมีอยู่ 3 เรื่องนี้ครับ
1. ต้องให้ข้อมูลเยอะก่อนลูกค้าถึงจะซื้อ
บางคนเข้าใจว่าคุณต้องจําประโยชน์สินค้าให้ได้ทุกข้อก่อน
จากนั้นคุณพูดทุกข้อให้ลูกค้าฟังหมดเลย แล้วพอลูกค้าฟังเสร็จแล้วเนี่ย คุณคิดว่าลูกค้าถึงจะซื้อของจากคุณเหรอครับ
ความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ครับ
จริงๆแล้วลูกค้าเขาไม่ได้ซื้อเพราะข้อมูลนะครับ แต่ลูกค้าเขาซื้อเพราะอารมณ์ครับ
เพราะฉะนั้นหน้าที่หลักๆของคุณ คือคุณต้องรู้ปัญหาลูกค้า และคุณต้องบิ้วอารมณ์ลูกค้าให้ได้
ถ้าเกิดสมมุติลูกค้าเข้าซื้อสินค้าจากคุณแล้วเนี่ยชีวิตเขาเนี่ยจะเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นยังไงนะครับ
2.ราคาต้องถูกลูกค้าถึงจะซื้อ
อันนี้ก็ผิดเช่นกันครับ
เพราะถ้าเกิดสมมุติทุกคนซื้อเพราะราคาถูกอย่างเดียวเนี่ย พวกสินค้าแบรนด์เนม พวกมือถือ และเครื่องใช้ไฟฟ้าแพงๆ พวกเนี้ย
คงขายไม่ออก
แต่จริงๆแล้วเนี่ยทุกคนอยากซื้อสินค้าต่อให้ราคาแพงครับ เค้าซื้อเพราะเค้าเชื่อมั่นครับว่ามันจะใช้ได้จริงนะครับ
หลายๆครั้งเนี่ยที่คุณซื้อมือถือ ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าราคาแพงหน่อย แต่คุณคิดว่ามันจะใช้ได้ดีใช่มั้ยครับ
หลายๆครั้งที่คุณลงทุนซื้อเสื้อผ้าซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมเพราะคุณเชื่อมั่นว่าใส่แล้วเนี่ยจะดูดี คนอื่นจะชมคุณนะครับ
3.ต้องเป็นคนพูดเก่งเท่านั้นลูกค้าถึงจะซื้อจากคุณ
อันนี้ก็ผิดเช่นกันครับ
หลายๆคนเข้าใจว่า เซลล์ที่เก่งต้องพูดเก่ง พูดหว่านล้อม ต้องพูดเร็วกว่าลูกค้า … ว่ากันไป
จริงๆไม่ใช่ครับ
ยิ่งพูดเยอะ บางทีลูกค้ารําคาญด้วยซ้ำนะครับ
หลักการคือ คุณต้องพูดน้อย แต่คุณต้องฟังลูกค้าให้เยอะ
วิธีการที่จะทําได้เนี่ย ก็คือคุณต้องถามคําถามลูกค้าครับ ถามคําถามให้ลูกค้าบอกว่าปัญหาเขาคืออะไร
แล้วหลังจากคุณรู้ว่าปัญหาลูกค้าคืออะไรแล้วให้คุณจับไป matching กับทางสินค้า และบริการของคุณว่าจะช่วยแก้ปัญหาให้กับลูกค้ายังไงบ้าง
ให้ลูกค้าพูดเยอะกว่าคุณ แล้วพอลูกค้าพูดเยอะๆ คุณพูดแค่ไม่กี่คําว่าสินค้าคุณดีกับเขายังไง จากนั้นคุณก็บิ้วอารมณ์ให้ลูกค้าซื้อ
เพราะฉะนั้นคุณไม่จําเป็นต้องเป็นเซลล์ที่พูดเก่ง พูดเยอะ ลูกค้าก็มาซื้อกับคุณได้
สามข้อนี้คือความเชื่อที่คุณต้องหลีกเลี่ยงในแง่ของการปิดการขายนะครับ
แล้วถ้าเกิดสมมติคุณทําตรงข้ามกับความเชื่อเหล่านี้แล้วเนี่ย สร้างความเชื่อซะใหม่ครับ ผมมั่นใจว่าคุณจะเป็นนักปิดการขายที่ยอดเยี่ยมได้นะครับ
แล้วพบกันในบทความหน้าครับ สวัสดีครับ
ดูคลิปนี้บน TikTok https://vt.tiktok.com/ZSL8jfArS/